29 มีนาคม, 2552

Be Part

ยังไม่กล้าเผยแพร่ไดอารี่วันนี้เข้าบล็อกของ EETP08 เนื่องจากความไม่มั่นใจบางอย่าง ดังนั้นขอเอามาแปะไว้ที่นี่ก่อนละกัน

...

สวัสดีครับ วันนี้ฮัลเลย์จะขอพาทุกคนย้อนไปยังวันแรกๆ ของคลาส EETP08
ซึ่งเป็นครั้งแรกๆ ที่ฮัลเลย์ได้สัมผัสถึง "ความเป็นพวกเดียวกัน" เช่นกัน

จำได้กันมั้ยเอ่ยว่าเคยร่วมกันทำกิจกรรมที่ทำให้เราต้องมา Brain storming และในขณะเดียวกันก็ได้ฝึกทักษะของการฟัง ความเป็นผู้นำ-ผู้ตาม และความสามัคคีไปในตัว

กิจกรรมที่ฮัลเลย์พูดถึงก็คือ "..." (เอ่อ...คือมันไม่รู้จักชื่ออย่างเป็นทางการ)
กติกาคือให้แต่ละทีมที่แบ่งชาย-หญิงและตั้งแถวเรียงหนึ่งอยู่ที่สองฟากของห้องเรียบร้อยแล้ว มาแข่งกันเดินไปให้ยังเส้นแบ่งกึ่งกลางห้องโดยที่เท้าของทุกคนในทีมต้องติดกัน และเดินผ่านเส้นพรหมจรรย์ที่กั้นห้องไว้พร้อมกัน

หากจำกันได้ฝ่ายผู้ชายเข้าเส้นชัยได้ก่อน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเกือบจะในทันทีตะหาก ที่ทำให้ฮัลเลย์รู้สึกว่าตัวเองมีตัวตน และได้รับการยอมรับว่า "เป็นส่วนหนึ่ง" ของกลุ่ม

หลังจากฝ่ายผู้ชายใช้วิธีกอดคอและกระโดดข้ามเส้นกั้นห้องไปพร้อมๆ กันแล้ว
สิ่งที่ตามมาคือการแสดงความดีใจ
ฮัลเลย์ก็ดีใจนะ...แต่ไม่รู้จะแสดงความดีใจกับคนอื่นยังไง

ก็คนอื่นเขาแปะมือกัน...ฮัลเลย์ไม่เคยทำแบบนี้ และไม่คิดว่าจะมีใครมาทำแบบนี้ด้วย
ฮัลเลย์ก็เลยดีใจแบบเงียบๆ แล้วเดินไปยืนพิงโต๊ะที่ตั้งพระพุทธรูป มองคนอื่นๆ ในทีมแปะมือแสดงความกลมเกลียวกัน ด้วยความที่อยากไปร่วมแปะมือด้วยจัง แต่ทำไม่เป็น

จนกระทั่งนุ้กหันหลังกลับมาหา ยื่นฝ่ามือแล้วเดินเข้ามา

การแปะมือระหว่างฮัลเลย์กับนุ้ก แม้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆ
แต่กระทบใจฮัลเลย์เข้าอย่างจัง จนยืนอึ้งไปหลายวินาที

นานแค่ไหนกันนะ ที่ไม่ได้รู้สึกว่า "เป็นส่วนหนึ่ง" ของกลุ่ม จนกระทั่งตอนนั้น

คนที่ปกติตกร่องไปคิดน้อยใจตัวเองเสมอๆ ว่าไม่ค่อยเป็นคนสำัคัญ ไม่ค่อยมีความสำคัญ
ได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของทีม สามารถแสดงความดีใจได้แบบเดียวกันกับที่ทุกๆ คนทำ

ดีใจจัง

...

อื่ม...แต่ก็เห็นนะว่าผม (สังเกตสรรพนามที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ขอพาทุกท่านกลับมาอยู่กับปัจจุบันนะครับ) ยังต้องการการยอมรับ ความรัก และการดูแลจากภายนอกอยู่

อาจารย์เอเชียบอกไว้เมื่อไม่นานมานี้ โดยอ้างอิงจากพระพุทธพจน์อีกทีว่า
"ท้ายที่สุดแล้ว การเดินทางของแต่ละคนก็โดดเดี่ยวจริงๆ"
ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของพี่นาที่ว่า
"You will finally realize that you are walking alone, if you know this, ...will you continue your journey?"

อืม...จริงๆ แล้วเราเดินทางคนเดียวนี่เนอะ...ไม่มีการเดินทางของคนสองคนเหมือนกัน

ก็อย่าไปนึกถึงอดีตอันหอมหวานกันให้มาก
ทั้งๆ ที่ความสุขมันก็อยู่ในใจเรา อยู่ ณ. ปัจจุบันขณะนี้เอง!

29 มีนาคม 2552, 20.59
ลุมพินีเพลส พระราม 3 - เจริญกรุง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น